26 July 2013

ต้นไม้ในพุทธกาล



ต้นไม้ในพุทธกาล

1 พระตัณหังกรพุทธเจ้า (ผู้กล้าหาญ) ต้นตีนเป็ดขาว (ต้นสัตตบรรณ)

2 พระเมธังกรพุทธเจ้า (ผู้มียศใหญ่) ต้นทองกวาว (ต้นกิงสุกะ)

3 พระสรณังกรพุทธเจ้า (ผู้เกื้อกูลแก่ชาวโลก) ต้นแคฝอย (ต้นปาตลี)

4 พระทีปังกรพุทธเจ้า (ผู้ทรงไว้ซึ่งปัญญาอันรุ่งเรือง) ต้นเลียบ (ต้นปิปผลิ)

5 พระโกณฑัญญพุทธเจ้า (ผู้เป็นประมุขแห่งหมู่ชน) ต้นสาละใหญ่ (ต้นมหาสาละ)

6 พระมังคลพุทธเจ้า (ผู้เป็นบุรุษประเสริฐ) ต้นกากะทิง (ต้นนาคะ)

7 พระสุมนพุทธเจ้า (ผู้เป็นวีรบุรุษมีพระหฤทัยงาม) ต้นกากะทิง (ต้นนาคะ)

8 พระเรวตพุทธเจ้า (ผู้เพิ่มพูนความยินดี) ต้นกากะทิง (ต้นนาคะ)

9 พระโสภิตพุทธเจ้า (ผู้สมบูรณ์ด้วยพระคุณ) ต้นกากะทิง (ต้นนาคะ)

10 พระอโนมทัสสีพุทธเจ้า (ผู้สูงสุดในหมู่ชน) ต้นกุ่ม (ต้นกักกุธะ)

11 พระปทุมพุทธเจ้า (ผู้ทำให้โลกสว่าง) ต้นอ้อยช้างใหญ่ (ต้นมหาโสณกะ)

12 พระนารทพุทธเจ้า (ผู้เป็นสารภีประเสริฐ) ต้นอ้อยช้างใหญ่ (ต้นมหาโสณกะ)

13 พระปทุมุตรพุทธเจ้า (ผู้เป็นที่พึ่งของหมู่สัตว์) ต้นสน (ต้นสลฬะ)

14 พระสุเมธพุทธเจ้า (ผู้หาบุคคลเปรียบมิได้) ต้นสะเดา (ต้นนิมพะ)

15 พระสุชาตพุทธเจ้า (ผู้เลิศกว่าสัตว์โลกทั้งปวง) ต้นไผ่ใหญ่ (ต้นมหาเวฬุ)

16 พระปิยทัสสีพุทธเจ้า (ผู้ประเสริฐกว่าหมู่นรชน) ต้นกุ่ม (ต้นกักกุธะ)

17 พระอัตถทัสสีพุทธเจ้า (ผู้มีพระกรุณา) ต้นจำปาป่า (ต้นจัมปกะ)

18 พระธัมมทัสสีพุทธเจ้า (ผู้บรรเทาความมืด) ต้นมะพลับ (ต้นพิมพชาละ)

19 พระสิทธัตถพุทธเจ้า (ผู้หาบุคคลเสมอมิได้ในโลก)ต้นกรรณิการ์ (ต้นกณิการระ)

20 พระติสสพุทธเจ้า (ผู้ประเสริฐกว่านักปราชญ์ทั้งหลาย) ต้นประดู่ลาย (ต้นอสนะ)

21 พระปุสสพุทธเจ้า (ผู้ประทานธรรมอันประเสริฐ) ต้นมะขามป้อม (ต้นอามัณฑะ)

22 พระวิปัสสีพุทธเจ้า (ผู้หาที่เปรียบมิได้) ต้นแคฝอย (ต้นปาตลี)

23 พระสิขีพุทธเจ้า (ผู้เป็นศาสดาเกื้อกูลแก่สรรพสัตว์) ต้นกุ่ม (ต้นกักกุธะ)

24 พระเวสสภูพุทธเจ้า (ผู้ประทานความสุข)ู ต้นอ้อยช้างใหญ่ (ต้นมหาโสณกะ)

25 พระกุกกุสันธพุทธเจ้า (ผู้นำสัตว์ออกจากกันดารตัวกิเลส) ต้นซึก (ต้นสิรีสะ)

26 พระโกนาคมนพุทธเจ้า (ผู้หักเสียซึ่งข้าศึกคือกิเลส) ต้นมะเดื่อ (ต้นอุทุมพร)

27 พระกัสสปพุทธเจ้า (ผู้สมบูรณ์ด้วยสิริ) ต้นไทรหรือกร่าง (ต้นนิโครธ)

28 พระโคตมพุทธเจ้า (ผู้ประเสริฐแห่งหมู่ศากยราช) ต้นโพธิ์ (ต้นอัสสัตถะ)

29 ต้นงิ้ว วิมานฉิมพลีของนางกากี

30 ดอกเข้าพรรษา งามสง่าในลีลา ‘หงส์เหิน’

31 มณฑา ดอกไม้ทิพย์แห่งสวรรค์

32 บุนนาค สวยทั้งใบ หอมชื่นใจทั้งดอก

33 ตะเคียนที่สิงสถิตของนางไม้

34 สายหยุด หยุดกลิ่นฟุ้งยามสาย

35 กัลปพฤกษ์ ต้นไม้สารพัดนึก

36 กระทุ่ม ต้นไม้ประจำอมรโคยานทวีป ในมนุสสภูมิ

37 คัดเค้า บานทั้งเช้า บานทั้งเย็น

38 ปาริชาต ต้นไม้สวรรค์ชั้นดาวดึงส์

39 ต้นจิก ไม้พญานาค

40 อโศก ตำนานรักของกามนิต

41 กล้วยรุ่งอรุณ สีสันสดใส...แค่เรื่องกล้วยๆ

42 กล้วยดอกบัวทอง ดอกไม้ศักดิ์สิทธิ์แห่งยูนนาน

43 ส้มมือ หรืออีกชื่อ ‘ส้มนิ้วพระหัตถ์’

44 กิน ‘สมอ’ ดีเสมอ

45 พุทธรักษา ดอกงาม นามมงคล

46 กำยาน “ความหอมอมตะ”

47 ตาล ที่มาของตาลปัตร

48 มะม่วงไม่รู้หาวมะนาวไม่รู้โห่ คือ หนามแดง







www.dhammajak.net














































13 July 2013

การ์ตูนดีดี


การ์ตูน มิลินทปัญหา






































ขอคอบคุณผู้แชร์ที่  http://www.youtube.com/

08 July 2013

การนั่งสมาธิเบื้องต้น

การนั่งสมาธิเบื้องต้น         
                             


การฝึกสมาธิ/ Meditation.

สมาธิ คือ ความสงบ สบาย และความรู้สึกเป็นสุขอย่างยิ่งที่มนุษย์สามารถสร้างขึ้นได้ด้วยตนเอง เป็นสิ่งที่พระพุทธศาสนากำหนดเอาไว้เป็นข้อควรปฏิบัติ เพื่อการดำรงชีวิตประจำวันอย่างเป็นสุข ไม่ประมาท เต็มไปด้วยสติสัมปชัญญะ และปัญญา อันเป็นเรื่องไม่เหลือวิสัย ทุกคนสามารถปฏิบัติได้ง่ายๆ ดังวิธีปฏิบัติที่พระเดชพระคุณหลวงปู่วัดปากน้ำภาษีเจริญ

พระมงคลเทพมุนี (สด จนฺทสโร) ได้เมตตาสั่งสอนไว้ดังนี้

1.กราบบูชาพระรัตนตรัย เป็นการเตรียมตัวเตรียมใจให้นุ่มนวลไว้เป็นเบื้องต้น แล้วสมาทานศีลห้า หรือศีลแปด เพื่อย้ำความมั่นคงในคุณธรรมของตนเอง

2.คุกเข่าหรือนั่งพับเพียบสบายๆ ระลึกถึงความดีที่ได้กระทำไว้ดีแล้วในวันนี้ ในอดีต และที่จะตั้งใจทำต่อไปในอนาคต จนราวกับว่า ร่างกายทั้งหมดประกอบขึ้น ด้วยธาตุแห่งคุณงามความดีล้วนๆ

3.นั่งขัดสมาธิ เท้าขวาทับเท้าซ้าย มือขวาทับมือซ้าย นิ้วชี้ของมือข้างขวาจรดนิ้วหัวแม่มือข้างซ้าย นั่งให้อยู่ในท่าที่พอดี ไม่ฝืนร่างกายมากจนเกินไป ไม่ถึงกับเกร็ง แต่อย่าให้หลังโค้งงอ หลับตาพอสบายคล้ายกับกำลังพักผ่อน ไม่บีบกล้ามเนื้อตาหรือขมวดคิ้ว แล้วตั้งใจมั่น วางอารมณ์สบาย สร้างความรู้สึกให้พร้อมทั้งกายและใจว่า กำลังเข้าไปสู่สภาวะแห่งความสงบ สบายอย่างยิ่ง

4.นึกกำหนดนิมิต เป็น ดวงกลมใส ขนาดเท่าแก้วตาดำ ใสบริสุทธิ์ ปราศจากรอยตำหนิใดๆ ขาวใส เย็นตา เย็นใจ ดังประกายของดวงดาว ดวงแก้วกลมใสนี้เรียกว่า บริกรรมนิมิต นึกสบายๆ นึกเหมือนดวงแก้วนั้นมานิ่งสนิทอยู่ ณ ศูนย์กลางกายฐานที่เจ็ด นึกไปภาวนาไปอย่างนุ่มนวล เป็นพุทธานุสติว่า สัมมาอะระหัง หรือค่อยๆน้อมนึกดวงแก้วกลมใสให้ค่อยๆเคลื่อนเข้าสู่ศูนย์กลางกายตามแนวฐาน โดยเริ่มต้นตั้งแต่ฐานที่หนึ่งเป็นต้นไป น้อมนึกอย่างสบายๆ ใจเย็นๆ ไปพร้อมๆกับคำภาวนา



อนึ่ง เมื่อนิมิตดวงกลมใสปรากฏแล้ว ณ กลางกาย ให้วางอารมณ์สบายๆกับนิมิตนั้น จนเหมือนกับว่าดวงนิมิตเป็นส่วนหนึ่งของอารมณ์ หากดวงนิมิตนั้นอันตรธานหายไป ก็ไม่ต้องนึกเสียดาย ให้วางอารมณ์สบาย แล้วนึกนิมิตนั้นขึ้นมาใหม่แทนดวงเก่า หรือเมื่อนิมิตนั้นปรากฏที่อื่นที่ไม่ใช่ศูนย์กลางกาย ให้ค่อยๆน้อมนิมิตเข้ามาอย่างค่อยเป็นค่อยไป ไม่มีการบังคับ และเมื่อนิมิตมาหยุดสนิท ณ ศูนย์กลางกาย ให้วางสติลงไปยังจุดศูนย์กลางของดวงนิมิต ด้วยความรู้สึกคล้ายมีดวงดาวดวงเล็กๆอีกดวงหนึ่ง ซ้อนอยู่ตรงกลางดวงนิมิตดวงเดิม...


แล้วสนใจเอาใจใส่แต่ดวงเล็กๆตรงกลางนั้นไปเรื่อยๆ ใจจะปรับจนหยุดได้ถูกส่วน เกิดการตกศูนย์และเกิดดวงสว่างขึ้นมาแทนที่ ดวงนี้เรียกว่า ดวงธรรม หรือ ดวงปฐมมรรค อันเป็นประตูเบื้องต้นที่จะเปิดไปสู่หนทางแห่งมรรคผลนิพพาน การระลึกนึกถึงนิมิตสามารถทำได้ในทุกแห่งทุกที่ทุกอิริยาบถ ไม่ว่าจะนั่ง นอน ยืน เดิน หรือขณะทำภารกิจใดๆ


The initial meditate.
Respectfully worship the Triple Buddha.
Kneel or squat comfortably. Commemorate the great deeds of the past, and then today it intends to do in the future, as well as body composition. With the element of pure goodness.

Squat. Right foot over left foot. Right hand over the left hand. Index finger of the right hand thumb stretch to his left. Not a contraction. But do not make the bend. The eyes are similar to the rest room. Do not squeeze or frown muscles. I firmly intend. A pleasant mood. To create a sense of both body and mind. Are entered into a state of calm. Comfort.
Imagine the vision of transparent globes the size of a corneal defect-free pure black or white, as cold hearted cool glow of the stars. Round clear vision  one is called I thought I loved the comfort of the body still remain at the center of the seventh. I pray to go to tender. Puttha a consciousness that I gained during Pahang or gradually bent crystal ball to imagine a loved one slowly moving towards the center line of the body. Starting from the base on. I bow casual cool along with prayer. 

Incidentally, on a clear vision globes appeared at the center of a cozy place with the vision. It's as if the vision is part of the emotion. If the vision disappears. I do not have to imagine. Keep the mood relaxed. I think the vision is to replace the old. Or when the vision appeared other than the central facility. Gradually came to welcome the vision gradually.  And when the vision came to a complete stop at the center of the consciousness into the center of my vision. Feeling like a tiny star on the moon. Piled in the middle of the vision of the original ...


I do care, but the middle is so small. I was fine until the stop. The fall and the center lights up the place. It is called the Dhamma, or the initial primary Samak as doors that will open the path to nirvana , Vision can be done anywhere in the remembrance every posture, whether sitting, standing, walking or sleeping while doing other tasks.


Recommendations in meditation.
ข้อแนะนำในการนั่งสมาธิ

ข้อแนะนำ คือ ต้องทำให้สม่ำเสมอเป็นประจำ ทำเรื่อยๆ ทำอย่างสบายๆ ไม่เร่ง ไม่บังคับ ทำได้แค่ไหนให้พอใจแค่นั้น ซึ่งจะเป็นการป้องกันมิให้เกิดความอยากจนเกินไป จนถึงกับทำให้ใจต้องสูญเสียความเป็นกลาง และเมื่อการฝึกสมาธิบังเกิดผลจนได้ดวงปฐมมรรค ที่ใสเกินใส สวยเกินสวย ติดสนิทมั่นคงที่ศูนย์กลางกายแล้ว ให้หมั่นตรึกระลึกถึงอยู่เสมอ

Recommendations is the need to do so on a regular basis, do not ease up, do not force it just to satisfy just that. This will prevent cravings too. Makes up for the loss of neutrality. Meditation and fruit until the beginning of the Makka put over it pretty clear over the center of the body close to the stable. Always remember always deliberate.


อย่างนี้แล้ว ผลแห่งสมาธิจะทำให้ชีวิตดำรงอยู่บนเส้นทางแห่งความสุข ความสำเร็จ และความไม่ประมาทตลอดไป ทั้งยังจะทำให้สมาธิละเอียดลุ่มลึกไปตามลำดับอีกด้วย
เทคนิคเบื้องต้นในการนั่งสมาธิ
This, the concentration of the existence of life on the path of success and happiness, do not underestimate forever. It will concentrate more depth in the order as well.
Techniques in meditation.


1. หลับตาเบาๆ ผนังตาปิด 90%
Close your eyes gently closed eye wall 90%.

2. อย่าบังคับใจ เพียงตั้งสติ วางใจเบาๆ ณ ศูนย์กลางกาย กำหนดนิมิตเป็น...
Do not force a conscious trust is a light at the center of the vision of ..

ดวงแก้วใสๆ...เบาๆ
The ... crystal ball the clear light.

องค์พระใสๆ...เบาๆ
Phra clear ... gently.

ลมหายใจ เข้า-ออก...เบาๆ                          
อาการท้อง พอง-ยุบ...เบาๆ                 
เพียงอย่างใดอย่างหนึ่ง                                           Breath - the ... gently.
Abdominal rising - falling ... gently.
Only one.       
                    
3. กำหนดนิมิต นึกนิมิตอย่างต่อเนื่อง เพื่อเป็นกุศโลบายล่อใจให้เข้ามาตั้งมั่นในกาย
It defined vision, vision continuously. A tempting strategy to stand in the body

4. เมื่อใจเข้ามาหยุดนิ่งในกาย การกำหนดนิมิตก็หยุดโดยอัตโนมัติ
When it came to a standstill in the body The vision stopped automatically.

5. รับรู้การเปลี่ยนแปลงภายในกายและจิตใจ ด้วยความสงบ
Recognize changes in the body and mental peace.

6. อยู่ในความดูแลของกัลยาณมิตรอย่างใกล้ชิด
In the care of a Kalyanamitra closely.

หลักการฝึกสมาธิ (การนั่งสมาธิ)
Concepts of meditation. (Meditation).

1. น้อมใจมาเก็บไว้ ณ ศูนย์กลางกาย แต่ละครั้งเก็บใจไว้ให้นานที่สุด จนกระทั่งกลายเป็นนิสัยมีใจตั้งมั่นภายใน
2. มีสติกำกับใจตลอดเวลา ทำให้ระลึกรู้ตัวอยู่เสมอ ไม่ยินดียินร้ายในเวลาเห็นรูป ฟังเสียง ดมกลิ่น ลิ้มรส สัมผัส รู้ธรรมารมณ์ใดๆ (เช่น ในคำสรรเสริญ เยินยอ ยศศักดิ์ ชื่อเสียง ฯลฯ)
3. ตั้งใจฝึกสมาธิอย่างสม่ำเสมอ และตรงเวลาเป็นประจำ
4. มีอาจารย์ที่มีความรู้ความสามารถจริง คอยควบคุม ให้คำแนะนำ อย่างใกล้ชิด

I keep a bow at the center each time I keep them as long as possible. Until it becomes a habit is entrenched within
  The conscious mind all the time. Remembering always aware. Unmoved in time to see hear smell taste touch Trrmarmns any knowledge (as in the famous eulogy rank, etc.).
  I practice meditation regularly. Regularly and on time.
  I actually have the ability to control the instructions closely......


ประโยชน์ของการนั่งสมาธิ

1. การนั่งสมาธิผลต่อตนเอง คือ

1.1 ด้านสุขภาพจิต

- ส่งเสริมให้คุณภาพของใจดีขึ้น คือ ทำจิตใจ ผ่องใส สะอาด บริสุทธิ์ สงบ เยือกเย็น ปลอดโปร่ง โล่ง เบา สบาย

มีความจำ และ สติ ปัญญาดีขึ้น

- ส่งเสริมสมรรถภาพทางใจ ทำอะไรคิดอะไรได้รวดเร็ว ถูกต้อง เลือกคิดแต่ในสิ่งที่ดีเท่านั้น


1.2 ด้านพัฒนาบุคลิกภาพ

- จะเป็นผู้มีบุคลิกภาพดี กระฉับกระเฉง กระปรี้กระเปร่า มีความองอาจสง่าผ่าเผย มีผิวพรรณผ่องใส

- มีความมั่นคงทางอารมณ์ หนักแน่น เยือกเย็นและเชื่อมั่นในตนเอง

- มีมนุษยสัมพันธ์ดี วางตัวได้เหมาะสมกับเทศกาลเทศะเป็นผู้มีเสน่ห์ เพราะไม่มักโกรธ มีความเมตตากรุณาต่อบุคคลทั่วไป


1.3 ด้านชีวิตประจำวัน

- ช่วยให้คลายเครียด เป็นเครื่องเสริมประสิทธิภาพในการทำงานและการศึกษาเล่าเรียน

- ช่วยเสริมให้มีสุขภาพร่างกายแข็งแรง เพราะร่างกายกับจิตใจย่อมมีอิทธิพลต่อกัน ถ้าจิตใจเข้มแข็ง ย่อมเป็นภูมิต้านทานโรคไปในตัว


1.4 ด้านศีลธรรมจรรยา

- ย่อมเป็นผู้มีสัมมาทิฏฐิ เชื่อกฎแห่งกรรม สามารถคุ้มครองตนให้พ้นจากความชั่วทั้งหลายได้ เป็นผู้มีความประพฤติดี เนื่องจากจิตใจดี ทำให้ความประพฤติทางกายและวาจาดีตามไปด้วย

- ย่อมเป็นผู้มีความมักน้อย สันโดษ รักสงบและมีขันติเป็นเลิศ

- ย่อมเป็นผู้มีความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ เห็นประโยชน์ส่วนรวมมากกว่าประโยชน์ส่วนตัว ย่อมเป็นผู้มีสัมมาคารวะและมีความอ่อนน้อมถ่อมตน



2. ผลต่อครอบครัว

2.1 ทำให้ครอบครัวมีความสงบสุข เพราะสมาชิกในครอบครัวเห็นประโยชน์ของการประพฤติธรรม ทุกคนตั้งมั่นอยู่ในศีล ปกครองกันด้วยธรรม เด็กเคารพผู้ใหญ่ ผู้ใหญ่เมตตาเด็ก ทุกคนมีความรักใคร่สามัคคี เป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน

2.2 ทำให้ครอบครัวมีความเจริญก้าวหน้า เพราะสมาชิกต่างก็ทำหน้าที่ของตนโดยไม่บกพร่อง เป็นผู้มีใจคอหนักแน่น เมื่อมีปัญหาครอบครัวหรือมีอุปสรรคอันใด ย่อมร่วมใจกันแก้ไขปัญหานั้นๆ ให้ลุล่วงไปได้

3. การนั่งสมาธิผลต่อสังคมและประเทศชาติ คือ

3.1 ทำให้สังคมสงบสุข ปราศจากปัญหาอาชญากรรมและปัญหาสังคมสังคมอื่นๆ เพราะปัญหาทั้งหลายที่เกิดขึ้นในสังคมไม่ว่าจะเป็นปัญหาการฆ่า การข่มขืน โจรผู้ร้าย การทุจริตคอรัปชั่น ล้วนเกิดขึ้นมาจากคนที่ขาดคุณธรรม เป็นผู้มีจิตใจอ่อนแอ หวั่นไหวต่ออำนาจสิ่งยั่วยวน หรือกิเลสได้ง่าย ผู้ที่ฝึกสมาธิย่อมมีจิตใจที่เข้มแข็ง มีคุณธรรมในใจสูง ถ้าแต่ละคนในสังคมต่างฝึกฝนอบรมใจของตนให้หนักแน่น มั่นคง ปัญหาเหล่านี้ก็จะไม่เกิดขึ้น ส่งผลให้สังคมสงบสุขได้

3.2 ทำให้เกิดควมมีระเบียบวินัย และเกิดความประหยัด ผู้ที่ฝึกใจให้ดีงามด้วยการทำสมาธิอยู่เสมอ ย่อมเป็นผู้รักมีระเบียบวินัย รักความสะอาด มีความเคารพกฎหมายของบ้านเมือง ดังนั้นบ้านเมืองเราก็จะสะอาดน่าอยู่ ไม่มีคนมักง่ายทิ้งขยะลงบนพื้นถนน จะข้ามถนน ก็เฉพาะตรงทางข้าม เป็นต้น เป็นเหตุให้ประเทศชาติไม่สิ้นเปลืองงบประมาณ เวลาและกำลังเจ้าหน้าที่ ที่ต้องใช้ไปในการแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นจากความไม่มีระเบียบวินัยของประชาชน

3.3 ทำให้สังคมเจริญก้าวหน้า เมื่อสมาชิกในสังคมมีสุขภาพจิตดีรักความเจริญก้าวหน้า มีประสิทธิภาพ ในการทำงานสูง ย่อมส่งผลให้สังคมเจริญก้าวหน้าตามไปด้วย และเมื่อมีกิจกรรมของส่วนรวม สมาชิกในสังคมก็ย่อมพร้อมที่จะสละความสุขส่วนตน ให้ความร่วมมือกับส่วนรวมอย่างเต็มที่ แม้มีผู้ไม่ประสงค์ดีต่อสังคมมายุแหย่ให้เกิดความแตกแยก ก็จะไม่เป็นผลสำเร็จ เพราะสมาชิกในสังคมเป็นผู้มีจิตใจหนักแน่น มีเหตุผล และเป็นผู้รักสงบ

4. การนั่งสมาธิผลต่อศาสนา คือ

4.1 ทำให้เข้าใจพระพุทธศาสนาได้อยางถูกต้องและรู้ซึ้งถึงคุณค่าของพระพุทธศาสนา รวมทั้งรู้เห็นด้วยตัวเองว่าการฝึกสมาธิไม่ใช่เรื่องเหลวไหลหากแต่เป็นวิธีเดียวที่จะทำให้พ้น ทุกข์เข้าสู่นิพพานได้

4.2 ทำให้เกิดศรัทธาตั้งมั่นในพระรัตนตรัย พร้อมที่จะเป็นทนายแก้ต่างให้กับพระศาสนา อันจะเป็นกำลังสำคัญในการเผยแพร่การปฏิบัติธรรมที่ถูกต้อง ให้แพร่หลายไปอย่างกว้างขวาง


4.3 เป็นการสืบอายุพระพุทธศาสนาให้เจริญรุ่งเรืองตลอดไป เพราะตราบใดที่พุทธศาสนิกชน ยังตั้งใจปฏิบัติธรรม เจริญภาวนาอยู่ พระพุทธศาสนาก็จะเจริญรุ่งเรืองอยู่ตราบนั้น


4.4 จะเป็นกำลังส่งเสริมทะนุบำรุงศาสนา เพราะเมื่อเข้าใจซาบซึ้งถึงประโยชน์ของการปฏิบัติธรรมด้วยตนเองแล้ว ย่อมจะชักชวนผู้อื่นให้ทำทาน รักษาศีล เจริญภาวนาตามไปด้วย เมื่อใดที่ทุกคนในสังคมตั้งใจปฏิบัติธรรม ทำทาน รักษาศีล และเจริญภาวนา เมื่อนั้นย่อมหวังได้ว่าสันติสุขที่แท้จริงจะบังเกิดขึ้นอย่างแน่นอน


ข้อควรระวังในการนั่งสมาธิ


1. อย่าใช้กำลัง คือ ไม่ใช้กำลังใดๆทั้งสิ้น เช่น ไม่บีบกล้ามเนื้อตา เพื่อจะให้เห็นนิมิตเร็วๆ ไม่เกร็งแขน ไม่เกร็งกล้ามเนื้อหน้าท้อง ไม่เกร็งตัว ฯลฯ เพราะการใช้กำลังตรงส่วนใดของร่างการก็ตาม จะทำให้จิตเคลื่อนจากศูนย์กลางกายไปสู่จุดนั้น

2. อย่าอยากเห็น คือ ทำใจให้เป็นกลาง ประคองสติมิให้เผลอจากบริกรรมภาวนา และบริกรรมนิมิต ส่วนจะเห็นนิมิตเมื่อใดนั้น อย่ากังวล ถ้าถึงเวลาแล้วย่อมเห็นเอง การบังเกิดของดวงนิมิตนั้น อุปมาเสมือนการขึ้นและตกของดวงอาทิตย์ เราไม่อาจจะเร่งเวลาได้

3. อย่ากังวลถึงการกำหนดลมหายใจเข้าออก เพราะการฝึกสมาธิเพื่อให้เข้าถึงพระธรรมกายภายใน อาศัยการนึกถึง อาโลกกสิณ คือ กสิณความสว่าง เป็นบาทเบื้องต้น

4. เมื่อเลิกจากนั่งสมาธิแล้ว ให้ตั้งใจไว้ที่ศูนย์กลางกายฐานที่เจ็ดที่เดียว ไม่ว่าจะอยู่ในอิริยาบถใดก็ตาม เช่น ยืน เดิน นอน หรือนั่ง อย่าย้ายฐานที่ตั้งจิตไปไว้ที่อื่นเป็นอันขาด ให้ตั้งใจบริกรรมภาวนา พร้อมกับนึกถึงบริกรรมนิมิตเป็นดวงแก้วใส หรือองค์พระแก้วใส ควบคู่กันไปตลอด

5. นิมิตต่างๆที่เกิดขึ้น จะต้องน้อมไปตั้งไว้ที่ศูนย์กลางกายฐานที่เจ็ดทั้งหมด ถ้านิมิตเกิดขึ้นแล้วหายไป ก็ไม่ต้องตามหา ให้ภาวนาประคองใจต่อไปตามปกติ ในที่สุดเมื่อจิตสงบ นิมิตย่อมปรากฏขึ้นมาใหม่อีก

การฝึกสมาธิเบื้องต้น (การนั่งสมาธิ) เท่าที่กล่าวมาทั้งหมดนี้ ย่อมเป็นปัจจัยให้เกิดความสุขได้พอสมควร เมื่อซักซ้อมปฏิบัติอยู่เสมอๆไม่ทอดทิ้ง จนได้ดวงปฐมมรรคแล้ว ก็ให้หมั่นประครองรักษาดวงปฐมมรรคนั้นไว้ตลอดชีวิต ดำรงตนอยู่ในศีลธรรมอันดี ย่อมเป็นหลักประกันได้ว่า ได้ที่พึ่งของชีวิตที่ถูกต้องดีงาม ที่จะส่งผลให้เป็นผู้มีความสุขความเจริญ ทั้งในภพชาตินี้และภพชาติหน้า เด็กเคารพผู้ใหญ่ ผู้ใหญ่เมตตาเด็ก ทุกคนมีความรักใคร่สามัคคีเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน หากสามารถแนะนำต่อๆกันไป ขยายไปยังเหล่ามนุษยชาติอย่างไม่จำกัดเชื้อชาติ ศาสนา และเผ่าพันธุ์ สันติสุขอันไพบูลย์ที่ทุกคนใฝ่ฝัน ก็ย่อมบังเกิดขึ้นอย่างแน่นอน
ขอคอบพระคุณข้อมูลจาก  http://www.dmc.tv/

07 July 2013

เรื่องราวดีดี

๑.ไม่ว่าวันนี้จะเลวร้ายแค่ไหน
จงยิ้มเข้าไว้ เพราะพรุ่งนี้อาจจะเลวร้ายยิ่งกว่า

๒.คำว่า 'พรุ่งนี้รวย' ของคนขายลอตเตอรี่
ไม่ใช่คำมั่นสัญญา แต่เป็นปรัชญาที่ต้องตีความ
เหมือนคำพูดของนักการเมือง ตอนหาเสียง

๓.สิ่งที่คนเมาพูด คือ สิ่งที่คนปกติคิด

๔.ปัญหาทุกอย่างมีทางแก้
แต่ไม่ว่าคุณจะแก้ดียังไง มันก็จะนำไปสู่ปัญหาใหม่
ที่ต้องให้คุณคิดหาทางแก้ไขต่อไป เป็นเช่นนี้ไปเรื่อยๆ

๕.ทุกปัญหาย่อมมีวิธีแก้ที่ง่ายที่สุด
แต่วิธีแก้ที่ง่ายที่สุด จะพบหลังจากใช้วิธียากที่สุดไปแล้ว

๖.อะไรก็ตามที่คุณอยากจะถาม
เป็นไปได้มากว่า มันคือสิ่งที่คุณไม่ควรจะรู้

๗.คนเรามักจะพูดในเรื่องที่ไม่ควรพูด
ในเวลาที่ไม่เหมาะที่สุด และกับคนที่ไม่น่าจะพูดที่สุด

๘.สินค้าที่ประสบความสำเร็จทางการตลาดที่สุด คือ
สินค้าที่คนโง่ที่สุดใช้เป็น และอยากจะใช้
แม้จะไม่มีประโยชน์อะไรเลยก็ตาม

๙.เมื่อคุณมาประชุมสาย ประธานจะมาตรงเวลา
และเมื่อคุณมาตรงเวลา การประชุมเลื่อนไปไม่มีกำหนด

๑๐.อะไรก็ตามที่คุณคิดได้ และรู้สึกว่ามันสุดยอดจริงๆ
คุณก็จะพบว่า มีคนอื่นที่ไหนสักแห่ง คิดมาแล้ว

นำเอาไว้เป็นคติ หรือไว้เป็นธรรมะสอนใจ หรือเอาไว้อ่านความขำๆก็ได้นะ
Take it as a motto. Or as GMT. Or it was too funny to read.

1, No matter how bad this is.
Keep smiling. Because tomorrow may be worse than

2. Term 'Tomorrow rich' of the lottery sales.
Non-commitment. It is a philosophy that must be interpreted.
I like the words of a political campaign.

3., What people say is what people normally think drunk.

4 Problem, everything has a solution.
But no matter how well you solve it. It will lead to new problems.
You need to figure out a solution to the next. As such indefinitely.

5. Every problem there is a simple solution.
But the easiest solution. Will find the most difficult to use.

6. Whatever you want to ask.
It is very possible that It is something you should know.

7. People tend to speak in terms that should not be said.
In time is not the best fit. And the people who do the most to say.

8. Products success is marketing.
Products that people use and want to use the most foolish.
Despite useless to them.

9., When you come to a conference call. President to come on time.
And when you come on time. Meeting postponed indefinitely.

10. Whatever you think. And it feels fantastic.
You will find that there are others somewhere I think.

----------------------------------------------------

"ธรรมดาเราดูแต่คนอื่น 90 % ดูตัวเองแค่ 10 %"
คือคอยดูแต่ความผิดของคนอื่น เพ่งโทษคนอื่น คิดแต่จะแก้ไขคนอื่น
ลองกลับเสียใหม่นะ ดูคนอื่นเหลือไว้ 10 % ดูเพื่อศึกษาว่า เมื่อเขาทำอย่างนั้น คนอื่นจะรู้สึกอย่างไร เพื่อเอามาสอนตัวเองนั่นแหละ ดูตัวเอง พิจารณาตัวเอง 90 % จึงเรียกว่าปฏิบัติธรรมอยู่

ธรรมชาติของจิตใจมันเข้าข้างตัวเอง โบราณพูดว่า "เรามักจะเห็นความผิดของคนอื่นเท่าภูเขา ความผิดของตนเองเท่ารูเข็ม" มันเป็นความจริงอย่างนั้นด้วย เราจึงต้องระวังความรู้สึกนึกคิดของตัวเองให้มากๆ เห็นความผิดของคนอื่นให้หารด้วย ๑๐ เห็นความผิดตัวเองให้คูณด้วย ๑๐ จึงจะใกล้เคียงกับความจริงและยุติธรรม เพราะเหตุนี้เราจะต้องพยายามมองแง่ดีของคนอื่นมากๆ และตำหนิติเตียนตัวเองมากๆ แต่ถึงอย่างไรเราก็ยังเข้าข้างตัวเองนั่นแหละ

พยายามอย่าสนใจการกระทำการปฏิบัติของคนอื่น ดูตัวเองสนใจแก้ไขตัวเองนั่นแหละมากๆ เช่น เข้าครัวเห็นเด็กทำอะไรไม่ถูกใจแล้วก็เกิดอารมณ์ร้อนใจ ยังไม่ต้องบอกให้เขาแก้ไขอะไรหรอก รีบแก้ไขระงับอารมณ์ร้อนใจของตัวเองเสียก่อน เห็นอะไรคิดอะไรรู้สึกอย่างไรก็สักแต่ว่าใจเย็นๆไว้ก่อน ความเห็นความคิดความรู้สึกก็ไม่แน่อาจจะถูกก็ได้อาจจะผิดก็ได้เราอาจจะเปลี่ยนความเห็นก็ได้ สักแต่ว่าใจเย็นๆไว้ก่อนยังไม่ต้องพูด

ดูใจเราก่อน สอนใจเราก่อน หัดปล่อยวางก่อน เมื่อจิตปกติแล้วจึงค่อยพูดจึงค่อยออกความเห็น พูดด้วยเหตุด้วยผลประกอบด้วยจิตเมตตากรุณา ขณะมีอารมณ์อย่าเพิ่งพูดทำให้เสียความรู้สึกของผู้อื่น ทำให้เสียความรู้สึกของตัวเอง ไม่เกิดประโยชน์เท่าที่ควร มักจะเสียประโยชน์ซ้ำไป เพราะฉะนั้น อยู่ที่ไหน อยู่ที่วัด อยู่ที่บ้าน ก็สงบๆ ไม่ต้องดูคนอื่นว่าเขาทำผิด ดูแต่ตัวเราระวังความรู้สึก ระวังอารมณ์ของเราเองให้มากๆ พยายามแก้ไขพัฒนาตัวเรา

เห็นอะไรชอบ ไม่ชอบ ปล่อยไว้ก่อน เรื่องของคนอื่นพยายามอย่าให้เข้ามาที่จิตใจเรา ถ้าไม่ระวังก็จะยุ่งกับเรื่องของคนอื่นไปเรื่อยๆ หาเรื่องอยู่อย่างนั้นเอาเรื่องโน้นเรื่องนี้มาเป็นเรื่องของเราหมด มีแต่ยินดียินร้ายพอใจไม่พอใจทั้งวัน อารมณ์มากจิตไม่ปกติไม่สบาย ทั้งวันก็หมดแรง

ระวังนะ
พยายามตามดูจิตของเรา รักษาจิตของเราให้เป็นปกติให้มาก
ใครจะเป็นอะไร ใครจะทำอะไร ดีหรือไม่ดี เรื่องของเขา
แม้เขาจะทำกับเรา ด่าว่าเรา  ก็เรื่องของเขา
อย่าเอามาเป็นอารมณ์
อย่าเอามาเป็นเรื่องของเรา

ดูใจเรานั่นแหละ พัฒนาตัวเองนั่นแหละ ทำใจเราให้ปกติ สบายๆ มากๆ หัด-ฝึก ปล่อยวาง นั่นเอง ไม่มีอะไรหรอก

"ไม่มีอะไรสำคัญกว่าการตามรักษาจิตของเรา คิดดี พูดดี ทำดี มีความสุข" 
"There is nothing more important than keeping our mental as well say good idea to have a happy".

"We see it myself, but the other 90% only 10%".
Is watching, but the fault of others. Focus blame on others. I will fix the other.
Try not to lose it. See the other 10% look to the left that When they do that. Others will feel. I taught myself to see for yourself that 90% consider themselves so-called practice is.

Sided nature of the mind itself is an ancient saying that "we tend to see the sins of others as a mountain. Fault of their own as the needle "It is true that, with We must be conscious of yourself, too. The fault of others to see the fault divided by 10 multiplied by itself 10 to be close to the truth and justice. Because of this, we must try to be more optimistic. And blame themselves a lot. But how do we continue to favor its own right.

Try not to do the actions of others. See for yourself that much attention to themselves, such as the kitchen, then I do not see the emotional restlessness. Do not tell him what to do. I anxious to suppress their own first. What I did feel was just only composed beforehand. Comments, thoughts, feelings can not be right I could be wrong, we might see a change. Just only the calm before the speech.

View our minds before we teach it before I leave the place before. Usually when I spoke and then gradually leave comments. To reason with the spiritual generosity. Do not talk while emotionally upset the feelings of others. Impair the sense of self. Not benefit as they should. Therefore usually have to repeat the measurements, where the house was quiet, he did not need to see other people's mistakes. But we watch it. Aware of our own emotions a lot. Trying to develop ourselves.

I never saw anything like it before the others try not to come to mind. If not careful, it can interfere with others and so on. ARG is factored so far this is the story of us all. But not satisfied with the day unmoved. I do not normally emotional discomfort. The day I was exhausted.

Careful me.
View our mental efforts. Maintain our mental as much as usual.
Who is anyone to do anything good or bad about him.
Even though he made us think that we were about him.
Do not be emotional.
Not only is our


Stratospheric me. Develop its own right. We provide the most relaxing mind me - because let's practice it.

พระธรรมเทศนาโดย หลวงปู่จันทร์โสม กิตติกาโร
วัดป่านาสีดา จ.อุดรธานี

อย่าเชื่อว่า...เราทำไม่ได้..ถ้ายังไม่ได้ลงมือทำ.. 
อย่าท้อแท้..ตราบใดที่เรายังไม่ได้พยายาม.. 
อย่าสิ้นหวัง...ตราบใดที่เรายังมีกำลังใจ.. 
อย่าแพ้ชีวิต...ตราบใดที่ใจของเรายังมีหวัง.. 
จงอย่าทำลายความหวัง...เพียงเพราะ.... 
การดูหมิ่นตนเองว่า... ทำไม่ได้”...

Do not believe it ... we do not do it .. if not ..
Do not be discouraged .. as long as we have not tried yet ..
Do not hopeless ... as long as we have encouragement ..
Do not lose heart, our life ... as long as there is still hope ..
Do not destroy any hope ... just because ....
Contemptuous itself ... "Do not" ...
บทความโดย..ชายน้อย... 
ธรรมะไทย http://www.dhammathai.org







01 July 2013

Shared : รีแล็กสVDO


๑.การฝึกใจ...



๒.ต่อสู้ความกลัว...


๓.ทางสายกลาง...


๔.เข้าสู่หลักธรรม...


*๕.Spa Music Relaxation With Piano Long Time Mix by Spavevo


*๖.Meditation (Zen Music)


*๗.6 Hour of The Best Beethoven - Classical Music Piano Studying Concentra...


*๘.Arthur Rubinstein - Chopin Nocturnes, Op. 9 - Op. 72


*๙.Brain Music - STUDY FOCUS CONCENTRATE - HELP YOU WORK FAST


*๑o.
    หวังว่าคงจะมีความสุขใจกันถ้วนหน้าน่ะค่ะ